top of page
รูปภาพนักเขียนวันวิสาข์ 2540

Botox ริ้วรอย

อัปเดตเมื่อ 27 ก.ย.

ข้อควรระวังในการใช้โบท็อกซ์ ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น หน้าผาก รอยตีนกา ริ้วรอยรอบดวงตา และปาก • ผู้ที่ต้องการยกคิ้ว ทำให้ตาดูโตขึ้น แลดูอ่อนเยาว์ • ผู้ที่ต้องการลดขนาดของกราม ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น • ผู้ที่ต้องการป้องกันริ้วรอยที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต • ฉีดโบลดริ้วรอยเป็นการนำสารพิษจาก Clostridium botulinum ที่มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อฉีดเข้าที่บริเวณที่มีริ้วรอยจากการขยับของผิว ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและผิวขยับได้น้อยลง • โบท็อกซ์และริ้วรอย โบท็อกซ์มีคุณสมบัติคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าลดเลือนลงเมื่อมีการฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการรักษา โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่หดตัวเมื่อมีการแสดงสีหน้า ระยะเวลาเห็นผล ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นหลังจากการฉีดประมาณ 3 วัน และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์. จุดฉีดที่นิยม บริเวณยอดนิยมสำหรับการฉีดโบท็อกซ์เพื่อรักษาริ้วรอยรวมถึงหน้าผาก, หางตา, และระหว่างคิ้ว ซึ่งช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบตึงขึ้น. • • โบท็อกสามารถนำมาฉีดในกล้ามเนื้อได้หลายจุด แต่บริเวณที่คนนิยมฉีด botox คือใบหน้า ทั้งฉีดเพื่อลดริ้วรอย ลดกราม ปรับรูปหน้า สำหรับคนที่สงสัยว่าโบท็อกฉีดตรงไหนได้บ้าง กลไกการทำงานของโบท็อก Botulinum toxin A เมื่อฉีดเข้าไปไปยังบริเวณที่มีริ้วรอย จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (neurotoxin) ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว

โบท็อกซ์: ทางเลือกสู่ผิวเรียบเนียน ใบหน้าอ่อนเยาว์

ท่านเคยรู้สึกกังวลเมื่อมองเห็นริ้วรอยบนใบหน้าในกระจกหรือไม่? โบท็อกซ์อาจเป็นคำตอบที่ท่านกำลังมองหา!

ทำไมต้องเลือกโบท็อกซ์?

1. ลดเลือนริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ

• รอยย่นบนหน้าผาก

รอยตีนการอบดวงตา

• ริ้วรอยรอบปาก

• รอยย่นระหว่างคิ้ว

2. ยกกระชับใบหน้า

• ยกคิ้วให้โค้งสวย

• เปิดตาให้ดูโต สดใส

• ปรับรูปหน้าให้เรียว V-shape

3. ป้องกันริ้วรอยในอนาคต

• ชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่

• รักษาผิวให้เรียบเนียนยาวนาน

กลไกการทำงานของโบท็อกซ์:

โบท็อกซ์ประกอบด้วยสาร Botulinum toxin A ซึ่งเป็นโปรตีนที่สกัดจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum เมื่อฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อ จะทำงานโดย:

1. ยับยั้งการส่งสัญญาณประสาทไปยังกล้ามเนื้อ

2. ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและไม่หดเกร็ง

3. ลดการเคลื่อนไหวของผิวหนังบริเวณนั้น

4. ริ้วรอยจึงจางลงและป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่

ขั้นตอนการรักษา:

1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษา

2. ทำความสะอาดผิวหน้าและทาครีมชา (ถ้าต้องการ)

3. แพทย์ฉีดโบท็อกซ์ด้วยเข็มขนาดเล็กเข้าสู่กล้ามเนื้อเป้าหมาย

4. ใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ไม่ต้องพักฟื้น

จุดฉีดยอดนิยม:

1. หน้าผาก: ลดรอยย่นแนวนอน

2. ระหว่างคิ้ว: ลดรอยย่นแนวตั้ง (รอยขมวดคิ้ว)

3. หางตา: ลดรอยตีนกา

4. ขมับ: ยกคิ้วและเปิดตา

5. ปีกจมูก: ลดการยกของปีกจมูกเวลายิ้ม

6. คาง: ลดรอยบุ๋มที่คาง

7. กราม: ลดขนาดกรามให้หน้าเรียว

ระยะเวลาเห็นผล:

• เริ่มเห็นผลภายใน 3-5 วันหลังฉีด

• ผลชัดเจนที่สุดหลัง 2 สัปดาห์

• ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

ข้อควรระวังและการดูแลหลังฉีด:

1. หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด 24 ชั่วโมงแรก

2. ไม่ควรนอนคว่ำหรือก้มหน้านาน 4 ชั่วโมงหลังฉีด

3. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก 24 ชั่วโมง

4. งดแอลกอฮอล์และยาแก้ปวด 24 ชั่วโมง

5. ใช้ครีมกันแดดเสมอเพื่อป้องกันริ้วรอย

ใครเหมาะสมกับการฉีดโบท็อกซ์?

• ผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้าและต้องการลดเลือน

• ผู้ที่ต้องการป้องกันริ้วรอยก่อนวัย

• ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น

• ผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากเกินไป

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์:

1. ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น

2. ใช้เวลารักษาสั้น ไม่ต้องพักฟื้น

3. เห็นผลเร็ว ปรับแต่งได้ตามต้องการ

4. ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งเกร็ง

5. สามารถกลับมาทำซ้ำได้เมื่อผลจางลง

คำถามที่พบบ่อย:

Q: โบท็อกซ์ปลอดภัยหรือไม่? A: โบท็อกซ์ผ่านการรับรองจาก FDA และปลอดภัยเมื่อฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

Q: การฉีดโบท็อกซ์เจ็บไหม? A: เจ็บเพียงเล็กน้อย เหมือนถูกยุงกัด สามารถทาครีมชาก่อนฉีดได้

Q: จะทำให้หน้าแข็งหรือไม่? A: ไม่ หากฉีดในปริมาณที่เหมาะสม ใบหน้าจะยังคงแสดงอารมณ์ได้ตามปกติ

Q: ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน? A: โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีดทุก 3-6 เดือน เพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ดี

โบท็อกซ์เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและคงความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า ด้วยความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง ทำให้โบท็อกซ์เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด


ดู 3 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Mesohyal

Fat Miracle

Fat Lipo v

Kommentare


bottom of page